วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Convert Fat32 To Ntfs แบบรวดเร็ว

วิธีนี้เป็นวิธีที่ผมใช้อยู่บ่อยๆ หลังจากปัจจุบันใช้เป็น NTFS
เริ่มแรก ถ้าเราจะเปลี่ยน Drive ไหนให้เราดูก่อนคับว่าชื่ออะไรใน My Computer สมมุติถ้าเป็น DISK1_VOL2(d:) ถ้าเป็นแบบนี้ให้เราเปลี่ยนชื่อก่อนดีกว่าคับ โดย คลิ๊กขวาที่ Drive แล้วเลือก Rename เปลี่ยนเป็น DATA ก็ได้ง่ายดี เสร็จแล้วก็เริ่มกันเลย
  1. Start > Run > พิมพ์ CMD คับแล้ว Enter
  2. ที่หน้า Dos Pormpt ให้ใช้คำสั่งนี้ convert ชื่อdrive /fs:ntfs /v
  3. เช่น convert d: /fs:ntfs /v แล้ว Enter
  4. จะมีข้อความว่า Enter current volume lable for drive D: ให้เราพิมพ์ชื่อ ที่เราเปลี่ยนเมื่อกี้ลงไป
  5. เช่น Enter current lablevolume for drive D: DATA(ชื่อต้องเหมือนกับที่เราเปลี่ยนนะคับ) แล้ว Enter
  6. จะขึ้น Would you like to force a dismount on this volume? ให้ตอบ Y คับแล้ว Enter
  7. Finish คับ
***ถ้าเปลี่ยน Drive C ให้ตอบ Y เพิ่มอีกข้อ แล้วออกจาก Dos Pormpt แล้ว Restart คับแล้วรอให้เสร็จขบวนการคับ***

ที่มา : http://tip-changcom.blogspot.com/2007/06/convert-fat32-to-ntfs.html

วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วิธีติดตั้ง windows xp ด้วย แฟลชไดร์

เตรียมอุปกรณ์
=========
- Flash Drive ขนาด 1 GB
- แผ่น Windows XP ที่ยังไม่ถูกตัดต่อพันธุกรรมทั้งหลาย, พวก XP 2008 หรือ Dark ทั้งหลายนี่ไม่แนะนำ (เพราะอาจจะไม่ได้ผล แต่ลองดูก็ได้ครับ ถ้าอยากทดสอบ)
- คอมพิวเตอร์ที่สามารถ Boot ผ่าน USB ได้
- โปรแกรม flash drive prep.zip 483.83 KB

ถ้ามีครบแล้ว ก็เริ่มกันเลย

ขั้นตอนการติดตั้ง
===========

1. ใส่แผ่น Windows XP และเสียบ Flash Drive เตรียมไว้
     *** ถ้ามีข้อมูลใน Flash Drive ให้เก็บไว้ที่อื่นก่อนนะครับ เพราะต้องทำการ Format Flash Drive ด้วย ***

2. โหลดไฟล์ PE to USB จากนั้น extract ไว้ที่ไหนก็ได้ จะได้ folder มา 2 อันคือ bootsect และ usb_prep8
    *** ในตัวอย่างนี้จะทำการ extract ไฟล์ไปไว้ในไดรว์ D: นะครับ***

3. ไปที่ Floder usb_prep8 double click ที่ไฟล์ usb_prep8.cmd
     *** ห้ามปิด Dos Box จนกว่าจะเสร็จทุกขั้นตอนนะครับ (ย้ำนะครับว่า อย่าปิด!!!!! จนกว่าจะเสร็จสิ้นทุกกระบวนการ  เพราะต้องใช้ต่อ)

4. กดปุ่มอะไรก็ได้ เบาๆ ปุ่มนึง โปรแกรม PE to USB จะถูกเรียกขึ้นมา เลือก Drive ของ USB ที่เราต้องการ จากนั้นกด Start แล้วรอจน Format เสร็จ


5. จากนั้นเปิด Dos Box โดยไปที่ Start > Run พิมพ์ cmd

6. ไปเข้าไปในไดเร็คทอรี่ bootsect โดยพิมพ์คำสั่ง
     d: แล้วกด Enter
    cd bootsect แล้วกด Enter
    bootsect /nt52 g: (โดยที่ g: หมายถึง Flash Drive ถ้าหากเป็น Drive Letter ของคุณเป็นตัวอักษรอื่น ก็ให้เปลี่ยนตามที่คุณใช้อยู่  ของผมเป็น g:)


7. จากนั้นไปโปรแกรม Pe to USB (ที่เรา format ครั้งแรก) กด Close แล้วไปที่ Dos Box (ที่บอกว่าห้ามปิดจนกว่าจะทำทุกอย่างเสร็จ) ที่เปิดขึ้นมาครั้งแรก จะมีเมนูดังภาพ


8. กด 1 เลือก Drive ที่แผ่น Windows XP ใส่อยู่

9. กด 3 เลือก Drive ที่ Flash Drive เสียบไว้อยู่ (พิมพ์ Drive Letter ของ Flash Drive แบบไมต้องมีเครื่องหมาย : นะครับ)

10. ตรวจสอบค่าว่าถูกต้องหรือไม่


11. กด 4 เพื่อติดตั้ง หลังจากนั้น โปรแกรมจะถามเพื่อทำการ copy ไฟล์

12. ให้ตอบ Yes แล้วรอประมาณ 15 นาที เพื่อ Copy ไฟล์ลง USB (เวลาจะน้อยกว่านี้ ถ้าใช้ Flash Drive แบบ High Speed)

13. ในขั้นตอนนี้จะมีการทำ Image Drive ขนาด 1G โดยจะถามให้ format ด้วย ก็กด Y ไปเลยนะครับ ไม่ต้องห่วงว่าจะทำให้ข้อมูลใน HDD หาย จากนั้นก็ รอจนกว่าจะเสร็จทั้งหมด


14. แค่นี้เราก็สามารถนำ Flash Drive ตัวนี้ไปติดตั้งที่ไหนก็ได้แล้วครับ

Tip ถ้าไม่อยากป้อนพวก CD-Key, Workgroup หรือตั้งค่าเริ่มต้นทั้งหลาย ให้ไปแก้ไขไฟล์ winnt.sif ที่อยู่ใน $WIN_NT$.~BT

[UserData]
    ProductKey = "XXXXX-XXXXX-XXXXX-XXXXX-XXXXX" << แก้ไขเป็น CD-Key ที่ต้องการ

[Identification]
    JoinWorkgroup=WORKGROUP << ชื่อ Workgroup ที่ต้องการ
ส่วนอื่นๆ ก็ลองศึกษากันเอาเองนะครับหรือใช้โปรแกรม nLite แก้ไขเอาก็ได้ครับ

ในส่วนของการติดตั้ง พอใช้ Flash Drive Boot แล้ว จะมีตัวเลืิอก 2 ข้อคือ

1. GUI Mode Setup Windows XP, Continue Setup + Start XP
2. TXT Mode Setup Windows XP, Never unplug USB-Drive Until After Logon


ให้เลือกข้อ 2 ในครั้งแรกเพื่อทำการ Format HDD และ Copy ไฟล์ที่จำเป็นในการติดตั้ง หลังจาก Reboot แล้ว ให้เลือกข้อ 1 แทนครับ

ก็ จบกันไป สำหรับวิธีการติดตั้ง Windows XP ใน Netbook หรือเครื่องที่ไม่มี CD Drive ไม่ยากเลยใช่ไหมครับ ทีนี้ก็ไม่จำเป็นต้องพก CD สำหรับติดตั้ง Windows อีกแล้ว แค่มี Flash Drive ตัวเดียว ก็ติดตั้งได้ทุกเครื่อง แถมยังเร็วกว่าใช้ CD อีก

ปล. สามารถใช้กับ Windows2000 ได้ด้วยนะครับ แต่ Windows Vista ผมไม่ได้ลองครับ

----------------------------------
ที่มา : http://www.cmdevhub.com/blogs/install-windows-xp-usb

วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ความหมายของ E-Book

 
ความหมายของ e-Book
       “อีบุ๊ค” (e-book, e-Book, eBook, EBook,) เป็นคำภาษาต่างประเทศ ย่อมาจากคำว่า electronic book หมายถึง หนังสือที่สร้างขึ้นด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์มีลักษณะเป็นเอกสาร อิเล็กทรอนิกส์ โดยปกติมักจะเป็นแฟ้มข้อมูลที่สามารถอ่านเอกสารผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ ทั้งในระบบออฟไลน์และออนไลน์
       คุณลักษณะของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถเชื่อมโยงจุดไปยังส่วนต่างๆ ของหนังสือ เว็บไซต์ต่างๆ ตลอดจนมีปฏิสัมพันธ์และโต้ตอบกับผู้เรียนได้ นอกจากนั้นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถแทรกภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว แบบทดสอบ และสามารถสั่งพิมพ์เอกสารที่ต้องการออกทางเครื่องพิมพ์ได้ อีกประการหนึ่งที่สำคัญก็คือ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยได้ตลอดเวลา ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้จะไม่มีในหนังสือธรรมดาทั่วไป
โปรแกรมที่นิยมใช้สร้าง e-Book
โปรแกรมที่นิยมใช้สร้าง e-Book มีอยู่หลายโปรแกรม แต่ที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบันได้แก่
1. โปรแกรมชุด Flip Album
2. โปรแกรม DeskTop Author
3. โปรแกรม Flash Album Deluxe
ชุดโปรแกรมทั้ง 3 จะต้องติดตั้งโปรแกรมสำหรับอ่าน e-Book ด้วย มิฉะนั้นแล้วจะเปิดเอกสารไม่ได้ ประกอบด้วย
1.1 โปรแกรมชุด Flip Album ตัวอ่านคือ FlipViewer
1.2 โปรแกรมชุด DeskTop Author ตัวอ่านคือ DNL Reader
1.3 โปรแกรมชุด Flash Album Deluxe ตัวอ่านคือ Flash Player
       สำหรับบางท่านที่มีความชำนาญในการใช้โปรแกรม Flash Mx ก็สามารถสร้าง e-Book ได้เช่นกัน แต่ต้องมีความรู้ในเรื่องการเขียน Action Script และ XML เพื่อสร้าง e-Book ให้แสดงผลตามที่ต้องการได้
ความแตกต่างของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Book) กับหนังสือทั่วไป
  ความแตกต่างของหนังสือทั้งสองประเภทจะอยู่ที่รูปแบบของการสร้าง การผลิตและการใช้งาน เช่น
1. หนังสือทั่วไปใช้กระดาษ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ไม่ใช้กระดาษ
2. หนังสือทั่วไปมีข้อความและภาพประกอบธรรมดา หนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถสร้างให้มีภาพเคลื่อนไหวได้
3. หนังสือทั่วไปไม่มีเสียงประกอบ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถใส่เสียงประกอบได้
4. หนังสื่อทั่วไปแก้ไขปรับปรุงได้ยาก หนังสื่ออิเล็กทรอนิกส์สามารถแก้ไขและปรับปรุงข้อมูล (update)
 ได้ง่าย
5. หนังสือทั่วไปสมบูรณ์ในตัวเอง หนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถสร้างจุดเชื่อมโยง (links) ออกไปเชื่อมต่อกับข้อมูลภายนอกได้
6. หนังสือทั่วไปต้นทุนการผลิตสูง หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ต้นทุนในการผลิตหนังสือต่ำ ประหยัด
7. หนังสือทั่วไปมีขีดจำกัดในการจัดพิมพ์ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ไม่มีขีดจำกัดในการจัดพิมพ์ สามารถทำสำเนาได้ง่ายไม่จำกัด
8. หนังสือทั่วไปเปิดอ่านจากเล่ม  หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ต้องอ่านด้วยโปรแกรม ผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์
9. หนังสือทั่วไปอ่านได้อย่างเดียว หนังสืออิเล็กทรอนิกส์นอกจากอ่านได้แล้วยังสามารถสั่งพิมพ์ (print)ได้
10. หนังสือทั่วไปอ่านได้1 คนต่อหนึ่งเล่ม หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 1 เล่ม สามารถอ่านพร้อมกันได้จำนวนมาก (ออนไลน์ผ่านอินเทอร์เน็ต)
11. หนังสือทั่วไปพกพาลำบาก (ต้องใช้พื้นที่) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์พกพาสะดวกได้ครั้งละจำนวนมากในรูปแบบของไฟล์ คอมพิวเตอร์ ใน Handy Drive หรือ CD
12. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เป็นนวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
โครงสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Book Construction)
ลักษณะโครงสร้างของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์จะมีความคล้ายคลึงกับหนังสือทั่วไป ที่พิมพ์ด้วยกระดาษ หากจะมีความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนก็คือกระบวนการผลิต รูปแบบ และวิธีการอ่านหนังสือ
สรุปโครงสร้างทั่วไปของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วย
• หน้าปก (Front Cover)
• คำนำ (Introduction)
• สารบัญ (Contents)
• สาระของหนังสือแต่ละหน้า (Pages Contents)
• อ้างอิง (Reference)
• ดัชนี (Index)
• ปกหลัง (Back Cover)
หน้าปก หมายถึง ปกด้านหน้าของหนังสือซึ่งจะอยู่ส่วนแรก เป็นตัวบ่งบอกว่าหนังสือเล่มนี้ชื่ออะไร ใครเป็นผู้แต่ง
คำนำ หมายถึง คำบอกกล่าวของผู้เขียนเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูล และเรื่องราวต่างๆ ของหนังสือเล่มนั้น
สารบัญ หมายถึง ตัวบ่งบอกหัวเรื่องสำคัญที่อยู่ภายในเล่มว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง อยู่ที่หน้าใดของหนังสือ สามารถเชื่อมโยงไปสู่หน้าต่างๆ ภายในเล่มได้
สาระของหนังสือแต่ละหน้า หมายถึง ส่วนประกอบสำคัญในแต่ละหน้า ที่ปรากฏภายในเล่ม ประกอบด้วย
• หน้าหนังสือ (Page Number)
• ข้อความ (Texts)
• ภาพประกอบ (Graphics) .jpg, .gif, .bmp, .png, .tiff
• เสียง (Sounds) .mp3, .wav, .midi
• ภาพเคลื่อนไหว (Video Clips, flash) .mpeg, .wav, .avi
• จุดเชื่อมโยง (Links)

การทำปกถนอมหนังสือ

การเข้าเล่มหนังสือ ถือเป็นการถนอมหนังสืออีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้หนังสือมีความแข็งแรงทนทานและ อายุการใช้งานที่นานขึ้น การถนอมหนังสือโดยการเข้าเล่มทำได้ดังนี้คือ
ทำ การคัดแยกหนังสือที่ต้องการเช่นหนังสือนวนิยายหนังสือที่หายากและมีราคาแพง หรือหนังสือที่ระลึกในโอกาศต่างๆหนังสือสำคัญที่มีคุณค่าเหมาะที่เก็บรักษา ไว้นานๆอุปกรณ์มีดังนี้
1.กระดาษ ใช้ยึดปกหนังสือเข้ากับปก 2.กระดาษแข็งใช้สำหรับทำปก 3.บรรทัดเหล็กใช้วัดขนาด 4.เข็มและด้ายใช้เย็บเล่ม 5.มีดคัดเตอร์ 6.กรรไกร 7.เทปใส 8.เทปผ้าแลคซีน 9.ผ้าขาวดิบ 10.กาวลาเท็ก 11.ผ้าแลคซีน 12.ผ้าขอบสัน 13.แปลงทากาวและอุปกรณ์อื่นๆที่จำเป็น
วิธี ทำ นำหนังสือที่ต้องการมาฉีกเอาปกออกระวังอย่าให้ขาดหรือชำรุด แล้วเจาะเย็บลเมเพื่อเพิ่มความแข็งแรงนำกระดาษยึดปกที่มีขนาดเท่ากับเล่ม หนังสือทาด้วยกาวลาเท็กปิดทับทั้งสองด้านของเล่มหนังสือใช้ของหนักวางทับไว้ รอจนกาวแห้ง จากนั้นวัดขนาด กว้าง ยาว และหนาของเล่มหนังสื ตัดกระดาษสำหรับทำปกให้มีขนาดใหญ่กว่าเล่มหนังสือด้านละประมาณ 0.2-0.3 มม.จำนวนสองแผ่นและส่วนของสันกลางอีกหนึ่งแผ่นโดยมีขนาดใหญ่กว่าของเดิม เหมือนปก
จาก นั้นนำผ้าแลคซีนมาตัดให้มีขนาดยาวกว่าปกด้านละ 3 ซม. และใหญ่กว่าสันด้านละ 4ซม.ทากาวให้ทั่วทั้งแผ่น(ด้านที่มีสีอ่อน) นำปกและสันวางตามตำแหน่งดังรูปและหุ้มขอบด้วยกระดาษสีควรเป็นสีเดียงกับเทป ผ้ารอจนกาวแห้งดีแล้วนำเล่มหนังสือที่ทำในตอนแรกมาประกอบเข้าด้วยกัน โดยทากาวให้ทั่วบริเวณปกและสันนำผ้าขาวดิบวางไว้ตรงกลางวางแผ่นยึดปกลงปิด ทับใช้แห้งรีดเช็ดให้เรียบทั้งสองด้านจัดรูปเล่มให้ได้ส่วนวางและกดทับดว้ย ของหนักรอจนกาวแห้งดีแล้วนำมาตรวจความเรียบร้อย
เมื่อ ได้เล่มหนังสือเรียบร้อยแล้ว นำปกหนังสือเดิมมาตัดแยกออกเป็นสามส่วนตอื ปกหน้า ปกหลัง และสันกลางทากาวให้ทั่วแล้วปิดทับตามตำแหน่ง ระวังอย่าให้กลับด้านวางทับด้วยของหนักเมื่อกาวแห้งดีแล้วห่อปกด้วยพลาสติก ใสอีกทีหนึ่งก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยพร้อมให้บริการต่อไป
อ้างอิง : http://www.cop.rmutsb.ac.th/knowledge/profile/wall_detail/256